ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่
สรุป : วรรณกรรมท้องถิ่น
ภารกิจพิเศษ วิเคราะห์วรรณกรรม เรื่องก่องข้าวน้อยฆ่าแม่
สรุปเนื้อหาวรรณกรรมเรื่องก่องข้าวน้อยฆ่าแม่
วันหนึ่งเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วที่บ้านตาดทอง ในฤดูกาลของฝน ได้มีการเตรียมปักดำกล้าต้นข้าว และทุกครอบครัวจะออกไปไถนาเตรียมการเพราะปลูก มีครอบครัวของชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นเด็กกำพร้าพ่อ ได้ออกไปปลุกข้าวเช่นเดียวกัน
วันหนึ่งเขาไถนาอยู่จนตะวันขึ้นสูงแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นยิ่งนัก และหิวข้าวมากกว่าทุกวัน ปกติแล้วแม่จะมาส่งก่องข้าวให้ทุกวัน แต่วันนี้กลับมาช้ากว่าปกติมาก
วันหนึ่งเขาไถนาอยู่จนตะวันขึ้นสูงแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นยิ่งนัก และหิวข้าวมากกว่าทุกวัน ปกติแล้วแม่จะมาส่งก่องข้าวให้ทุกวัน แต่วันนี้กลับมาช้ากว่าปกติมาก
เขาจึงหยุดไถนาแล้วเข้าไปพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ ปล่อยให้เจ้าทุยไปกินหญ้าสายตาก็เหม่อมองไปทางบ้านของตน เฝ้ารอคอยแม่ที่จะนำข้างก่องมาส่ง ตามเวลาที่ควรจะมา ด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจ ยิ่งตะวันขึ้นสูงแดดก็ยิ่งร้อนแรงขึ้นความหิวก็ยิ่งทวีคูณขึ้นตามไปด้วย
ทันใดนั้นเองเขาได้มองเห็นแม่เดินเลียบมาตามคันนา พร้อมกับก่องข้าวน้อยๆ ห้อยอยู่บนเสาแหรกคาน เขาบังเกิดความไม่พอใจที่แม่เอาก่องข้าวน้อยนั้นมาช้ามาก ด้วยความหิวจนตาลาย เขาคิดว่าข้าวในก่องข้าวน้อยนั้นคงกินไม่อิ่มเป็นแน่ จึงต่อว่าแม่ของตนว่า
“อีแก่ ไปทำอะไรอยู่ถึงมาส่งข้าวให้กูกินช้านัก
ก่องข้าวก็เอามาแต่ก่องน้อยๆ กูจะกินอิ่มหรือ?”
ผู้เป็นแม่ตอบลูกว่า “ถึงกล่องข้าวจะเล็กแต่ก้อน้อยแค่รูปนอกข้างในแน่นนะลูกเอ๋ย ลองกินดูก่อน”
ก่องข้าวก็เอามาแต่ก่องน้อยๆ กูจะกินอิ่มหรือ?”
ผู้เป็นแม่ตอบลูกว่า “ถึงกล่องข้าวจะเล็กแต่ก้อน้อยแค่รูปนอกข้างในแน่นนะลูกเอ๋ย ลองกินดูก่อน”
ความหิว ความเหนื่อย ความโมโห ทำให้หูอื้อตาลาย ไม่ยอมฟังสิ่งใด เกิดบันดาลโทสะอย่างแรงกล้า คว้าเอาไม้แอกแล้วเข้าตีแม่ที่แก่ชราจนล้มลงแล้วก็เดินไปกินข้าว แม้กินข้าวจนอิ่มแล้วแต่ข้าวยังไม่หมดก่อง จึงรู้สึกผิดชอบชั่วดี รีบวิ่งไปดูอาการของแม่และเข้าสวมกอดแม่
” อนิจจา ในตอนนี้แม่สิ้นใจไปเสียแล้ว..”
ชายหนุ่มร้อยไห้โฮ สำนึกผิดที่ตนได้ฆ่าแม่เพียงด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ ไม่รู้จะทำประการใดดี จึงเข้ากราบ นมัสการสมภารวัดเล่าเรื่องให้ท่านฟังโดยละเอียด
ชายหนุ่มร้อยไห้โฮ สำนึกผิดที่ตนได้ฆ่าแม่เพียงด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ ไม่รู้จะทำประการใดดี จึงเข้ากราบ นมัสการสมภารวัดเล่าเรื่องให้ท่านฟังโดยละเอียด
สมภารสอนว่า “การฆ่าบิดามารดาของตนเองนั้นเป็นบาปหนัก เป็นมาตุฆาต ต้องตกนรกอเวจีตายแล้วไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเป็นคนอีก มีหนทางเพียวหนทางเดียวจะให้บาปเบาลงได้ก็ด้วยการสร้างธาตุก่อกวมกระดูกแม่ไว้ ให้สูงเท่านกเขาเหิน จะได้เป็นการไถ่บาปหนักให้เป็นเบาลงได้บ้าง”
เมื่อชายหนุ่มปลงศพแม่แล้ว จึงได้ขอร้องชักชวนญาติๆและชาวบ้านช่วยกันปั้นอิฐก่อเป็นธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิแม่ไว้ จึงให้ชื่อว่า “ธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่” จนตราบถึงทุกวันนี้
ทุกวันนี้มีผู้มากราบธาตุก่องข้าวน้อยฯทุกวันเพื่อมาขอขมาลาโทษเหมือนกับเป็นการไถ่บาปที่ทำให้พ่อแม่ของตนเสียใจ บางคนเมื่อมีลูกแล้วจึงได้รู้ว่าบุญคุณของพ่อแม่มากเหลือคณานับ เพิ่งรู้ว่าต้องเลี้ยงดูลูกนั้นยากหนักหนาซักเพียงใด จึงมาสำนึกที่ทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ บ้างก็มากราบไหว้เพื่อรำลึกถึงบุญคุณแม่
๑.ที่มา
นิทานเรื่อง “ก่องข้าวน้อย” หรือบางทีเรียกว่า “ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่” เป็นนิทานอธิบายเหตุการสร้างศาสนสถาน คือ พระธาตุก่องข้าวน้อย ซึ่งเป็นศิลปะแบบขอม ตั้งอยู่กลางทุ่งนาบ้านตาดทอง ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ทั้งนี้คำว่า “ก่องข้าว” หรือ กล่องข้าว เป็นเครื่องจักสานที่ใช้เป็นภาชนะบรรจุข้าวเหนียวนึ่งของชาวอีสานและล้านนาจากนั้นก็ได้นำมาทำเป็นนิทานเพื่อนสอนผู้คนรุ่นหลัง
นิทานเรื่อง ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ มีเนื้อเรื่องกล่าวว่าครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีแม่ลูกยากจนคู่หนึ่ง ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ชายทุ่ง มีอาชีพทำนา ลูกชายเจริญวัยแล้วได้ช่วยแม่ทำนาและประกอบสัมมาชีพต่างๆ เลี้ยงดูมารดาซึ่งชราภาพมากแล้ว ลูกชายเป็นคนขยันขันแข็งในการงานพยายามที่จะกอบกู้ฐานะของครอบครัว ในฤดูทำนาลูกชายก็ออกไปไถนาตั้งแต่เช้าตามปกติทุกวัน ส่วนแม่เฒ่าก็เตรียมข้าวปลาอาหารไปส่งลูกที่ท้องนาทุกวัน อยู่มาวันหนึ่งลูกชายก็ออกไปไถนาตามปกติ ส่วนแม่เฒ่าตื่นสายจึงเตรียมข้าวปลาอาหารช้ากว่าทุกวัน ลูกชายไถนาอยู่ในนารู้สึกหิวข้าว แม่ก็ยังไม่มาส่งข้าวเหมือนทุกวัน ลูกชายก็ได้แต่คอยด้วยความหิว ก็ยังไม่เห็นแม่มาสักที ครั้นเมื่อแม่เฒ่ามาถึงพร้อมกับกล่องข้าวที่เคยใส่อาหารมา ด้วยความหิวลูกชายจึงมองเห็นก่องข้าวเล็กนิดเดียว คงไม่พอกิน จึงเกิดโทสะที่คิดว่าแม่นำข้าวมาเพียงนิดเดียวจะทำให้ตนไม่พอกิน แม่ช่างไม่เห็นใจที่ตนพยายามทำงานเพื่อกอบกู้ฐานะของครอบครัว ทั้งความหิวและความโกรธจนลืมตัว จึงได้หยิบไม้ท่อนหนึ่งมาตีแม่ แล้วจึงกินข้าวจนอิ่มแต่ข้าวก็ไม่หมดกล่อง จึงหวนคิดได้ว่าตนหิวจนตาลาย ได้กระทำร้ายแม่ไป จึงรีบมาอุ้มแม่ขึ้น แต่ปรากฏว่าแม่ได้สิ้นใจไปแล้ว เกิดความรู้สึกเสียใจที่ตนได้ทำร้ายแม่จนถึงขั้นมาตุฆาต และได้มามอบตัวสารภาพผิดต่อเจ้าเมือง และขอบวชเพื่อไถ่บาป เจ้าเมืองก็อนุญาต เมื่อบวชก็ได้ปฏิบัติเคร่งครัดในวินัย จนชาวบ้านตลอดจนเจ้าเมืองเลื่อมใสมาก จึงถวายไม้กวาดลานวัดทำด้วยด้ามทองคำ ภายหลังจึงเรียกชื่อหมู่บ้านนั้นว่า “บ้านตาดทอง” พระภิกษุรูปนี้ได้เจริญภาวนาเป็นที่เลื่อมใสของคนทั่วไป ทั้งประชาชนที่อยู่หมู่บ้านอื่นๆ ท่านได้ตั้งจิตที่จะสร้างพระธาตุเจดีย์เพื่อไถ่บาปแก่แม่ของตน ประชาชนทราบข่าวเรื่องนี้ ต่างก็มาช่วยกันสร้างพระธาตุเจดีย์สูงชั่วลำตาลจนสำเร็จ แล้วเรียกว่า “พระธาตุก่องข้าวน้อย” สืบมาจนทุกวันนี้
นิทานเรื่อง “ก่องข้าวน้อย” หรือบางทีเรียกว่า “ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่” เป็นนิทานอธิบายเหตุการสร้างศาสนสถาน คือ พระธาตุก่องข้าวน้อย ซึ่งเป็นศิลปะแบบขอม ตั้งอยู่กลางทุ่งนาบ้านตาดทอง ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ทั้งนี้คำว่า “ก่องข้าว” หรือ กล่องข้าว เป็นเครื่องจักสานที่ใช้เป็นภาชนะบรรจุข้าวเหนียวนึ่งของชาวอีสานและล้านนาจากนั้นก็ได้นำมาทำเป็นนิทานเพื่อนสอนผู้คนรุ่นหลัง
นิทานเรื่อง ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ มีเนื้อเรื่องกล่าวว่าครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีแม่ลูกยากจนคู่หนึ่ง ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ชายทุ่ง มีอาชีพทำนา ลูกชายเจริญวัยแล้วได้ช่วยแม่ทำนาและประกอบสัมมาชีพต่างๆ เลี้ยงดูมารดาซึ่งชราภาพมากแล้ว ลูกชายเป็นคนขยันขันแข็งในการงานพยายามที่จะกอบกู้ฐานะของครอบครัว ในฤดูทำนาลูกชายก็ออกไปไถนาตั้งแต่เช้าตามปกติทุกวัน ส่วนแม่เฒ่าก็เตรียมข้าวปลาอาหารไปส่งลูกที่ท้องนาทุกวัน อยู่มาวันหนึ่งลูกชายก็ออกไปไถนาตามปกติ ส่วนแม่เฒ่าตื่นสายจึงเตรียมข้าวปลาอาหารช้ากว่าทุกวัน ลูกชายไถนาอยู่ในนารู้สึกหิวข้าว แม่ก็ยังไม่มาส่งข้าวเหมือนทุกวัน ลูกชายก็ได้แต่คอยด้วยความหิว ก็ยังไม่เห็นแม่มาสักที ครั้นเมื่อแม่เฒ่ามาถึงพร้อมกับกล่องข้าวที่เคยใส่อาหารมา ด้วยความหิวลูกชายจึงมองเห็นก่องข้าวเล็กนิดเดียว คงไม่พอกิน จึงเกิดโทสะที่คิดว่าแม่นำข้าวมาเพียงนิดเดียวจะทำให้ตนไม่พอกิน แม่ช่างไม่เห็นใจที่ตนพยายามทำงานเพื่อกอบกู้ฐานะของครอบครัว ทั้งความหิวและความโกรธจนลืมตัว จึงได้หยิบไม้ท่อนหนึ่งมาตีแม่ แล้วจึงกินข้าวจนอิ่มแต่ข้าวก็ไม่หมดกล่อง จึงหวนคิดได้ว่าตนหิวจนตาลาย ได้กระทำร้ายแม่ไป จึงรีบมาอุ้มแม่ขึ้น แต่ปรากฏว่าแม่ได้สิ้นใจไปแล้ว เกิดความรู้สึกเสียใจที่ตนได้ทำร้ายแม่จนถึงขั้นมาตุฆาต และได้มามอบตัวสารภาพผิดต่อเจ้าเมือง และขอบวชเพื่อไถ่บาป เจ้าเมืองก็อนุญาต เมื่อบวชก็ได้ปฏิบัติเคร่งครัดในวินัย จนชาวบ้านตลอดจนเจ้าเมืองเลื่อมใสมาก จึงถวายไม้กวาดลานวัดทำด้วยด้ามทองคำ ภายหลังจึงเรียกชื่อหมู่บ้านนั้นว่า “บ้านตาดทอง” พระภิกษุรูปนี้ได้เจริญภาวนาเป็นที่เลื่อมใสของคนทั่วไป ทั้งประชาชนที่อยู่หมู่บ้านอื่นๆ ท่านได้ตั้งจิตที่จะสร้างพระธาตุเจดีย์เพื่อไถ่บาปแก่แม่ของตน ประชาชนทราบข่าวเรื่องนี้ ต่างก็มาช่วยกันสร้างพระธาตุเจดีย์สูงชั่วลำตาลจนสำเร็จ แล้วเรียกว่า “พระธาตุก่องข้าวน้อย” สืบมาจนทุกวันนี้
๑.๑ ผู้เรียบเรียง โดย
โชติ ศรีสุวรรณชื่อหนังสือ : นิทานพื้นบ้านไทย 4 ภาค เล่ม 1
ครั้งที่พิมพ์ : ตุลาคม 2548 จังหวัด : กรุงเทพมหานคร
สำนักพิมพ์ : สถาพรบุุ๊คส์ จำกัด
๒. วิเคราะห์ชื่อเรื่อง
"ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่" ก่องข้าวน้อย คือ ภาชนะที่ใส่ข้าวเหนียวของคนอีสานที่ใช้ไม้สานเป็นรูปทรงกระบอกที่มีรวดลายหลายแบบ สำหรับชื่อเรื่องก่องข้าวน้อยฆ่าแม่นั้น มีสาเหตุเป็นเพราะก่องข้าวน้อยที่แม่นั้นนำมา ทำให้ทองเกิดความโมโหและเข้าใจว่าแม่ตนเองนั้นนำข้าวมาให้น้อย กลัวแต่ตนเองจะไม่อิ่ม ด้วยความโมโหจึงได้ลงมือฆ่าแม่ เลยเป็นที่มาขอชื่อเรื่อง ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่
แก่นเรื่อง
- ความโมโหนั้นสามารถกระทำได้ทุกอย่างแม้ทั้งฆ่าแม่ตนเอง พอรู้ตัวอีกทีก็สายเกินไป
วิเคราะห์โครงเรื่อง
โครงเรื่อง : หนุ่มนิสัยวู่วามเอาแต่ใจตนเอง วันหนึ่งเมื่อเขาไปทำนา แต่เช้ารออยู่จนสายแม่ก็ยัง ไม่เอาข้าวมาให้กิน ครั้นแม่มาถึงนำก่องข้าวมาให้ ด้วยความหิวทำให้เกิดความรู้สึกว่า ก่องข้าวนั้นเล็กไม่พอกิน จึงผลักแม่ล้มลง เมื่อเขากินข้าวอิ่มแล้วก็ยังคงเหลือข้าวอยู่ อีก แต่แม่ของเขาก็สิ้นใจไปแล้ว ชายหนุ่มจึงสำนึกผิด แต่ก็สายเกินไป ชายหนุ่มได้ สร้างเจดีย์บรรจุกระดูกของแม่ไว้ด้วย |
เปิดเรื่อง มีลูกชาวนาคนหนึ่งชื่อทอง พ่อของทองนั้นได้ตายไปนานแล้วตั้งแต่ทองยังเล็ก และได้อาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคน
ดำเนินเรื่อง ทองเป็นลูกชาวนาที่ขยันขันแข็งช่วยแม่ทำงานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทำนาหรืออื่นๆ พอแม่แก่ตัวลง ทองก็ทำงานให้แม่ทุกอย่างแต่แม่ก็ไม่นิ่งเฉยคอยส่งข้าวส่งน้ำให้ทองทุกวัน
ปมเรื่อง เช้าวันหนึ่งทองได้ไปไล่ควายลงทุ่งนานเพื่อที่จะไถ่นา แต่เจ้าทุยกลับฮึดฮัดอยากสลัดแอกที่คอออก เลยทำให้ทองโมโหพร้อมกับแดดที่ร้อนอบอ้าว
จุดสูงสุด จากนั้นแม่มาถึงพร้อมกับก่องข้าวน้อย ด้วยความโมโหเจ้าทุยกับแดดแล้วยังโมโหหิว ทองคิดว่าข้าวที่แม่นั้นนำมาให้น้อยเกินกว่าตนเองจะกินอิ่มเลยตัดสินใจใช้เเอกฟาดไปที่ด้านหลังของแม่ เมื่อตนกินอิ่มแล้วหันมามองแม่แม่ก็สิ้นใจแล้ว
คลายปม พระทองเสียใจและรู้สึกผิดอย่างมากจึงได้สร้างเจดีย์เพื่อเป็นอนุสรณ์ ให้แก่แม่ที่ล่วงลับไปแล้ว
ปิดเรื่อง พระทองได้ตั้งใจเจริญภาวนาปฏบัติ
อย่างเคร่งคัดและมีจริยวัตรงดงามเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่คนทั่วไป จากนั้นเจ้าอาวาสได้มอบตาดด้ามทองคำให้พระทอง แลละหมู่บ้านก็ได้ชื่อว่าหมู๋บ้านตาดทองสืบต่อกันมา
วิเคราะห์ตัวละครหลัก
ทอง เป็นตัวละครเอก
อาศัย : อยู่กับมารดาสองคน
เพศ : ชาย
อาชีพ: ทำไร่ ทำนา
นิสัย : เป็นคนขยันต่อหน้าที่แต่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
ฐานะ : เป็นคนที่ฐานะยากจน
แม่ทอง เป็นตัวละครรอง
อาศัย : ร่วมกับลูกชายท้ายหมู่บ้าน
เพศ : หญิง
อาชีพ ; ทำไร่ทำนา
นิสัย : เป็นคนขยันและรักลูกชายดั่งดวงใจ
ฐานะ : ค่อนข้างมีฐานะยากจน
ภาษาที่ใช้ในการแต่ง
นิทานอีสาน เรื่อง ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่เป็นบทร้อยแก้ว โดยบรรยายเรื่องราวสลับกับบทสนทนาระหว่างตัวละคร ทั้งสอง ใช้ภาษาง่ายๆ ความหมายชัดเจน ไม่วกวนเป็นการแต่งขึ้นโดยการใช้ภาษาถิ่นอีสาน ลักษณะของภาษาที่ใช้มีสละสลวยจึงทำให้ภาษามีความสวยงามเป็นพิเศษจากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงจากภาษาถิ่นอีสานไปเป็นภาษากลางเพื่อที่จะได้ถ่ายทอดให้ทุกคนได้รับรู้ถึงเรื่องก่องข้าวน้อยฆ่าแม่
ฉาก/สภานที่
ฉากหลัก
-ทุ่งนา : ตอนที่ทองได้กำลังไถ่นาและฆ่าแม่ตัวเอง
-พระธาตุก่องข้าวน้อย : ตอนที่สร้างธาตุก่องข้าวน้อยและบวชเพื่อตอบแทนบุญคุณ
ฉากรอง
หมู๋บ้าน : ตอนที่กำลังจะไปทำไรทำนา
๓. ความโดดเด่น
การแต่งขึ้นโดยการใช้ภาษาถิ่นอีสาน ลักษณะของภาษาที่ใช้มีสละสลวยจึงทำให้ภาษามีความสวยงามเป็นพิเศษจากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงจากภาษาถิ่นอีสานไปเป็นภาษากลางเพื่อที่จะได้ถ่ายทอดให้ทุกคนได้รับรู้ถึงเรื่องก่องข้าวน้อยฆ่าแม่อีกทั้งยังนำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมต่างๆได้และยังสามารถทำเป็นเพลงและหนังอีกทั้งยังเป็นการสั่งสอนคนรุ่นหลัง
๔. การนำไปประยุกต์ใช้
เพลง
หนัง
เทศนา
๕. สร้างสรรค์ให้เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน
- จะทำการสอนแสดงบทบาทละคร,แสดงละครสั้น เรื่อง ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่
บทสรุป
ภาพ Infographics
จัดทำโดย : นายปานเทพ กาญจันดา ปี๓ หมู่๓ รหัสนักศึกษา๕๗๒๑๐๔๐๖๓๓๔